ข้อมูลเกี่ยวกับพริก
พริก
ชื่อวงศ์ SOLANACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Capsicum
frutescens Linn. ชื่อพื้นเมือง ครี ( กระเหรี่ยงกำแพงเพชร
) ดีปลี (ปัตตานี ) ดีปลีขี้นก
พริกขี้หนู ( ใต้ ) ปะแกว (ชาวบน- นครราชสีมา ) พริก
(กลาง, เหนือ ) พริกขี้หนู(กลาง ) พริกแด้ พริกแต้ พริกนำ ( เหนือ ) มะระตี้ ( เขมร-สุรินทร์ ) มือซาซีซู มือส่าโพ ( กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน ) หมักเพ็ด
(อีสาน )
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พริกเป็นพืชที่มีอายุได้หลายฤดูและลำต้นตั้งตรงสูงประมาณ 1- 2.5 ฟุต ใบแบนเรียบและเป็นมัน ใบรูปร่างกลมรี ปลายใบแหลม
ใบออกตรงกันข้าม ดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดเล็ก ก้านดอกตรง หรือโค้ง กลีบดอกจะมีสีขาวหรือสีม่วงเกสรตัวผู้มี
1- 10 อันเกสรตัวเมียมี 1- 2 รังไข่ ผลหลายขนาด
พริกขี้หนูจะมีผลขนาดเล็กยาวประมาณ 1- 1.5 นิ้ว มีเส้นผ่าศูนย์กลาง
1/4 -2/3 นิ้ว เมื่ออ่อนสีเขียวเข้มและเมื่อเจริญเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง
หรือสีเหลือง ในแต่ละผลจะมีเมล็ดจำนวนมากเรียงตัวกันหนาแน่นส่วนของรากมีสีขาว การปลูก
พริกชอบดินร่วนซุย อากาศร้อนขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ทางยา
พริกเป็นสมุนไพรที่มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มายาวนาน ผลของพริกมีรสรรพคุณขับลม
ขับปัสสาวะ แก้ไข้หวัด บรรเทาอาการเจ็บปวด ขับเหงื่อและช่วยให้เจริญอาหาร ประโยชน์ทางอาหาร
ส่วนที่เป็นผัก / ฤดูกาล ยอดอ่อนและผลของพริกใช้เป็นผักและเครื่องปรุงรสได้
พริกจะแตกยอดงามในฤดูฝนและก่อนติดผล เมื่อมีผลแล้วจะมียอดน้อยลง ผลจะมีตลอดปี
การปรุงอาหาร
ยอดอ่อนของพริกรับประทานโดยลวกเป็นผักแกล้มกับน้ำพริกหรือนำไปปรุงอาหาร
ประเภทแกงจืด แกงเลียง ทำให้รสชาติอร่อยส่วผลมักใช้เป็นเครื่องปรุงรสสำหรับอาหารไทยหลายชนิด
รสและประโยชน์ต่อร่างกาย
ยอดพริกมีรสเผ็ด ส่วนผลของพริกมีรสเผ็ดจัดรับประทานเป็นผักจะช่วยเจริญอาหาร
และ ช่วยขับลม ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ผลของพริกขี้หนู 100
กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 55 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
เส้นใย 5.2 กรัม แคลเซี่ยม 4 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 14 มิลลิกรัม เหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 2417 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.29 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.11 มิลลิกรัม ไนอาซิน
1.5 มิลลิกรัม วิตามินซี 44 มิลลิกรัม
ภาพการ Coss section
อ้างอิง:http://www.google.co.th/url?